erika-fletcher-J1aD7xeX1cA-unsplash

“การชุบฟอสเฟต” เทคนิคการป้องกันสนิมและการเตรียมพื้นผิวที่มีประสิทธิภาพ

“สนิม” เป็นปัญหาหลักของวัสดุโลหะ โดยเฉพาะเหล็กและเหล็กกล้า ซึ่งทำให้ชิ้นงานเสื่อมคุณภาพ ลดความแข็งแรง และอายุการใช้งานสั้นลง วิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการแก้ปัญหาคือ การชุบฟอสเฟต (Phosphating) ซึ่งไม่เพียงช่วยชะลอการเกิดสนิม แต่ยังช่วยให้การเคลือบผิวในขั้นตอนต่อไป เช่น การพ่นสีฝุ่น มีประสิทธิภาพมากขึ้น

กระบวนการฟอสเฟต (Phosphating Process) คืออะไร?

Phosphating Process คือการเคลือบผิวโลหะด้วยสารละลายที่มีกรดฟอสฟอริก ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับโลหะจนเกิดเป็นผลึกฟอสเฟตที่ไม่ละลายน้ำ เกาะแน่นบนผิวชิ้นงาน ช่วยเพิ่มการยึดเกาะของสีและป้องกันการกัดกร่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขั้นตอนของ Phosphating Process

1. การทำความสะอาด (Cleaning)

ใช้สารละลายด่างหรือกรดอ่อนในการล้างคราบน้ำมัน ไข และสิ่งสกปรกบนผิวโลหะ เพื่อเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับการเคลือบ

2. การเปิดผิว (Activation)

ใช้สารละลายที่มีกรดอ่อน เช่น กรดซัลฟิวริก เพื่อกำจัดสนิมและเปิดพื้นผิวโลหะให้พร้อมรับชั้นฟอสเฟต

3. การฟอสเฟต (Phosphating)

จุ่มหรือพ่นด้วยสารละลายกรดฟอสฟอริก ทำให้เกิดผลึกฟอสเฟตที่เกาะแน่นบนผิวโลหะ ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและป้องกันการกัดกร่อน

4. การล้าง (Rinsing)

ล้างเพื่อลดสารตกค้างและปรับสภาพผิวให้สะอาด พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการเคลือบต่อไป

ประโยชน์ของ“การเคลือบฟอสเฟต”

  • เพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน: ชั้นฟอสเฟตเป็นเกราะกันสนิมชั้นแรก
  • เพิ่มการยึดเกาะของสี/เคลือบผิว: สีฝุ่นหรือเคลือบกันสนิมเกาะผิวได้แน่นขึ้น
  • ลดแรงเสียดทาน: ใช้กับชิ้นส่วนเครื่องจักร เช่น น็อต สกรู ช่วยให้ขันแน่นง่ายขึ้น
  • คุ้มค่า: เป็นกระบวนการที่มีต้นทุนไม่สูงเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับ

การต่อยอดด้วยการพ่นสีฝุ่น (Powder Coating)

แม้การชุบฟอสเฟตจะช่วยลดสนิม แต่ในสภาพแวดล้อมจริง เช่น ความชื้นสูง หรือกลางแจ้ง เพียงการฟอสเฟตอย่างเดียวไม่เพียงพอ โรงงานจึงนิยมทำ Powder Coating ต่อทันทีหลังฟอสเฟต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน ดังนี้:

  • ชั้นสีฝุ่น ทำหน้าที่เป็นเกราะกันน้ำ อากาศ และสารเคมีไม่ให้สัมผัสกับผิวโลหะโดยตรง
  • เมื่อเคลือบบนพื้นผิวที่ผ่าน ฟอสเฟต แล้ว จะยึดเกาะแน่นขึ้น ลดการหลุดล่อนของสี
  • เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์เหล็ก, ตู้เหล็ก, โครงสร้างอาคาร, และงานตกแต่งที่ต้องการผิวเรียบสวยงามและทนทาน

การเคลือบกันสนิม (Anti-corrosion Coating)

เสริมทัพป้องกัน เพื่อความทนทานสูงสุด โรงงานบางแห่งจะเพิ่มชั้น Top Coat หรือ Clear Coat กันสนิม หลังการพ่นสีฝุ่น เช่น เคลือบโพลีเอสเตอร์, อีพ็อกซี่ หรือสารนาโนใสเคลือบผิว เพื่อ:

  • ป้องกันรอยขีดข่วน
  • เพิ่มอายุการใช้งานแม้ในสภาพกลางแจ้งหรือความชื้น เช่น ใกล้ทะเล
  • ลดการเกิดสนิมใต้ฟิล์มสี

การประยุกต์ใช้งานจริงในโรงงานผลิตชิ้นงานโลหะ

  • เหล็ก (Steel) → ต้องใช้ฟอสเฟต + พ่นสีฝุ่น + เคลือบกันสนิมในบางงาน
  • สแตนเลส (Stainless Steel) → โดยปกติทนสนิมอยู่แล้ว แต่ถ้าใช้งานกลางแจ้งมักพ่นสีฝุ่นเพื่อความสวยงามและป้องกันคราบ
  • อะลูมิเนียม (Aluminium) → ใช้วิธี Chromating หรือ Anodizing แทนฟอสเฟต จากนั้นจึงพ่นสีฝุ่นเพื่อเสริมการป้องกัน

สรุป: ทำไมการ“การเคลือบฟอสเฟต”จึงสำคัญในอุตสาหกรรมโลหะ

การชุบฟอสเฟตเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมพื้นผิวโลหะเพื่อป้องกันสนิมและเพิ่มการยึดเกาะของสี แต่เพื่อให้ได้การป้องกันสนิมที่ยาวนาน โรงงานส่วนใหญ่จะต่อยอดด้วย การพ่นสีฝุ่น และบางกรณีเสริมด้วย การเคลือบกันสนิมพิเศษ วิธีการแบบบูรณาการนี้ทำให้ชิ้นงานจากเหล็ก สแตนเลส และอะลูมิเนียม มีความทนทานสูง ใช้งานได้ยาวนาน และมีคุณภาพสวยงามตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

==============

Tags: No tags

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *